วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

ประเภทของผ้าทอ

ระเภทของผ้าทอ
ที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ผ้ายกเมืองนครศรีธรรมราช

         เป็นผ้าที่ทอยกโดยการสอดดิ้นเงิน และดิ้นทองสลับไหมอันวิจิตร ผลิตใช้สำหรับ ราชสำนักไทย
            ผ้ายกทองของนครศรีธรรมราชนั้น  ขึ้นชื่อในความละเอียด ลวดลายแปลกโดยสามารถทำหน้ากว้างได้ถึง 70-80 ตระกรอ โดยผ้าขนาด 12 เขานั้นต้องใช้คนทำถึง คน ในอดีตใช้เป็นเครื่องราชบรรณาการสู่ราชสำนัก สืบมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ธนบุรี จวบจนกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนใหญ่การทอจะได้รับอุปภัมถ์จากเจ้าเมือง โดยนำรูปแบบและช่างทอจากอินเดียมาช่วยสอนอีกด้วย

ผ้ายกพุมเรียง       ชาวตำบลพุมเรียงอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎ์ธานี เป็นชาวมุสลิม ที่หนีภัยสงครามมาจากเขาหัวแดง จังหวัดสงขลา จากปัตตานี และไทรบุรี ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ผ้ายกจะมีสันสดใสฝีมือประณีต ที่มีชื่อเสียงคือผ้ายกหน้านาง ผ้ายกดอกถมเกสร และดอกลายเชิง เป็นต้น
ผ้ายกเกาะยอ
            เป็นผ้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสงขลา เดิมคงอพยพหนีสงครามมาจากเขาหัวแดง มาอยู่ที่เกาะยอเนื่องจากวัสดุในการทอต้องสั่งซื้อจากต่างถิ่น จึงทำให้การทอผ้ายกของเกาะยอมีปัญหา จนเกือบสูญหายไป เพิ่งมาได้รับการส่งเสริมขึ้นอีกครั้งเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ โดยการใช้กี่กระตุกแทนกี่เตี้ย แบบดั้งเดิม

ผ้ายกปัตตานี
      เมืองปัตตานีเคยเป็นเมืองท่านานาชาติที่สำคัญตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวจีน อินเดีย และเปอร์เซีย ที่หนีการปกครองของ ชาวโปรตุเกสจากเมืองมาลัคกา โดยนำเทคนิค การทอผ้า หลายหลากชนิดมาเผยแพร่ จนผสมผสานขึ้นโดยมีรูปแบบอัน เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จากสัญลักษณ์ทางศาสนาอิสลาม เข้ามาใช้ในลวดลายผ้า อย่างงดงาม
ผ้ายกปัตตานี เดิมเรียกว่าผ้าซอแก๊ะ ผ้ามัดหมี่ เรียกว่าผ้าอีกัด ผ้าไหมยกตระกรอ เรียกว่า ผ้าการะดูวอ เป็นต้น
ผ้ายกปัตตานี ที่ทอยกทองนั้น ภายหลังได้สูญหายไป คงเหลืออยู่บ้างก็คือ ผ้าจวนตานีหรือผ้า ล่วงจวน ซึ่งเป็นผ้ามัดหมี่ อันมีลักษณะพิเศษ โดยเฉพาะ

ผ้าพานช้าง
     เป็นผ้าขิดใช้เป็นผ้ากราบพระ ผ้าเช็ดหน้า หรือเช็ดน้ำหมาก ทอยาวติดกัน เพื่อใช้ในพิธีทางศาสนาของชาวตำบลบ้านนาหมื่นศรี จังหวัดตรัง แต่ละชิ้นมักเป็นรูป สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขิดด้วยสีดำ น้ำเงิน ฟ้า เขียว ทอเป็นลายครุฑ คน และนกยูง สลับตัวหนังสือโคลงกลอนคติธรรมสอนใจ     บางครั้งใช้ในพิธีศพ โดยเมื่อเสร็จพิธีแล้วจะนำมาตัดแบ่ง แจกกันในครอบครัวลูกหลานหรือถวายพระเพื่อเป็นสิ่งรำลึกสืบไป


ปัจจุบันชาวใต้ยังคงสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมในการถักทอผืนผ้าซึ่งสืบทอดมาจากบรรพบุรุษในอดีตให้ปรากฏเป็นสิ่งทออันล้ำค่าอันสืบสาน
และโยงใยไปถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตกาลของดินแดนแห่งนี้เพื่อให้คงอยู่
กับผืนแผ่นดินไทยสืบต่อไป ชั่วกาลนาน"

       ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก นิทรรศการ "อลังการแห่งผ้าไทย" 12เดือน
ณ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จัดทำเมื่อเดือน ธันวาคม 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น